เรียน ท่านผู้ปกครองทราบ
อ้างถึง หนังสือที่ ศธ 0211.6/5288 เนื่องด้วยกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่ามีการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ที่ประเทศจีน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2551 จึงถึงปัจจุบัน(ข้อมูล ณ เมษายน 2551) พบผู้ป่วยเด็กโรคมือ เท้า ปาก รวม 1,884 ราย โดยคาดการณ์ว่า ยังมีการระบาดของโรคอีกหลายประเทศในทวีปเอเซีย โรงเรียนจึง ขอนำความรู้เกี่ยวกับโรคมือ เท้า ปาก มาให้ทราบเพื่อช่วยกันดูแลป้องกันบุตรหลานของเรานะคะ
พฤติกรรมที่ควรใส่ใจ
1. ไม่ควรนำเด็กเล็กไปในที่ชุมชนสาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากๆ ควรอยู่ในทีที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ก่อนและหลังจับอาหาร หรือเตรียมอาหาร และหลังการขับถ่าย ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
3. ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก เมื่อไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย
4. ไม่ใช้ภาชนะหรือสิ่งของร่วมกัน เช่นจาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ หลอด
ด้วยความปรารถนาดีจาก...อนุบาลแสงอารีย์
คำถาม-คำตอบ โรคมือ เท้า ปาก
กองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 18 ตุลาคม2550
1.โรคมือเท้าปาก คือโรคอะไร
โรคมือ เท้า ปาก เป็นกลุ่มอาการหนึ่งของโรคติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส อาการป่วยได้แก่ มีไข้ มีจุดหรือผื่นแดงอักเสบในปาก มักพบในลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม และเกิดผื่นแดงซึ่งจะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆแดง(มักไม่คัน เวลากดจะเจ็บ) ที่บริเวณ ฝ่ามือ นิ้วมือ และฝ่าเท้า โรคนี้พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พบน้อยลงในอายุต่ำกว่า 10 ปี และน้อยมาในเด็กวัยรุ่น
2.โรคนี้พบที่ใดบ้าง
ในเขตร้อนชื้น เกิดแบบประปรายตลอดปี พบมากในฤดูฝน ซึ่งอากาศเย็นและชื้น มักระบาดในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล
3.โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อได้อย่างไร
มักติดต่อโดยรับเชื้อจากอุจจาระ ฝอยละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือน้ำตุ่มพองหรือแผลของผู้ป่วยเข้าสู่ปาก การติดต่อทางน้ำหรืออาหารมี โอกาสเกิดขึ้นน้อย การแพร่ติดต่อเกิดขึ้นค่อนข้างง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย แม้อาการทุเลาลงแล้ว ก็ยังอาจแพร่เชื้อได้บ้าง เนื้อจากเชื้อจะถูกขับออกมากับอุจจาระได้นานถึง 6 สัปดาห์
4.หากติดเชื้อแล้วจะเริ่มแสดงอาการเมื่อใด
ส่วนใหญ่แสดงอาการป่วยภายใน 3-5 วัน หลังได้รับเชื้อ โดยไข้เป็นอาการเริ่มแรกของโรค
5.อาการของโรคเป็นอย่างไร
- เริ่มด้วยไข้(อาจเป็นไข้สูงในช่วง 1-2 วันแรก และลดลงเป็นไข้ต่ำๆอีก 2-3 วัน)
- มีจุดหรือผื่นแดงอักเสบในปาก มักพบที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม ทำให้เจ็บปากไม่อยากทานอาหาร จะเกิดผื่นแดง ซึ่งจะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆแดง ที่บริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้น หัวเข่าฯลฯ ผื่นนี้จะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆแดง มักไม่คันแต่เวลากดจะเจ็บ ต่อมาจะแตกออกเป็นหลุมตื้นๆ อาการจะดีขึ้นและแผลหายไปใน 7-10 วัน
- เด็กทารกและอายุต่ำกว่า 5 ปี บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, ก้านสมองอักเสบ ตามมาด้วยปอดบวมน้ำ สัญญาณอันตรายได้แก่ ไข้สูงไม่ลดลง ซึม อาเจียนบ่อย หอบ แขนขาอ่อนแรง เป็นต้น
6.ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสียงจะเป็นโรคมือ เท้า ปาก ที่รุนแรง
โดยทั่วไปโรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่ไม่อันตราย ในประเทศไทยพบโรคนี้ได้บ่อยแต่ไม่มีความรุนแรง ผู้ได้รับเชื้อส่วนใหญ่ หายได้เองภายใน 7-10 วัน และแทบไม่มีผู้เสียชีวิตเลย
7.วินิจฉัยโรคมือ เท้า ปาก ได้อย่างไร
โดยทั่วไปแพทย์จะวินิจฉัยจากอายุ ประวัติ และอาการ โดยสังเกตลักษณะผื่นหรือตุ่มแผลต่างๆที่ปรากฏ รวมถึงวินิจฉัยแยกจากโรคที่มีอาการแผลในปากอื่นๆ
8.โรคนี้รักษาได้หรือไม่
รักษาได้ตามอาการ โดยทั่วไปใช้การรักษาเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น การใช้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ฯลฯ แต่ไม่มียาต้านไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ โรคนี้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้และพัก ผ่อนพอ ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและหายได้เองในช่วง 7-10 วัน แต่ผู้ดูแลควรดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะทารก เด็กเล็ก และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพื่อสังเกตอาการแทรกซ้อน
9.จะป้องกันโรคมือ เท้า ปากได้อย่างไร
โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ป้องกันได้ด้วยสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดี เช่น การล้างมือด้วยน้ำและสบู่ เป็นประจำหลังจากการขับถ่ายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก และก่อนรับประทานอาหาร หรือป้อนอาหารเด็ก รวมถึงไม่คลุกคลี ใช้ภาชนะอาหาร หรือของใช้ร่วมกับผู้ป่วย ร่วมกับรักษาความสะอาดทั่วๆไป การจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม ห้องครัวให้ถูกสุขลักษณะ
10.หากบุตรหลานมีอาการป่วย ควรทำอย่างไร
แยกเด็กป่วยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปยังเด็กคนอื่นๆ ผู้ปกครองควรพาไปพบแพทย์ และหยุดรักษาตัวที่บ้านประมาณ 5- 7 วัน หรือจนกว่าจะหายเป็นปกติ ระหว่างนี้ควรสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น แต่หากเด็กมีอาการแทรกซ้อน เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ เป็นต้น ต้องรีบพากลับไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที
ไม่ควรพาไปสถานที่แออัด เช่นตลาด ห้างสรรพสินค้า ควรอยู่ในที่อากาศถ่ายเท ใช้ผ้าปิดจมูกเวลาไอจาม และระมัดระวังการไอจามรดกัน ผู้เลี้ยงดูเด็กต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระเด็กป่วย เน้นการล้างมือบ่อยๆ
11.จะทำลายเชื้อได้อย่างไร
- เชื้อนี้ถูกทำลายโดยแสงอุลตร้าไวโอเล็ต ในสสภาพที่แห้ง เชื้อจะมีชีวิตอยู่ไม่นาน
- เชื้อนี้ถูกทำลายโดยการต้มที่ 50-60 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที
- เชื้อนี้ถูกทำลายโดยน้ำยาซักล้างทั่วไป หากทำลายเชื้อในอุจจาระต้องใช้คลอรีนที่เข้มข้นมากกว่านี้
- เชื้อนี้ถูกทำลายโดยวิธีทำให้ปราศจากเชื้อ
12.คลอรีนในสระว่ายน้ำฆ่าเชื้อโรคมือ เท้า ปาก ได้หรือไม่
ความเข้มข้นของคลอรีนในสระว่ายน้ำตามมาตรฐานต้องมีอย่างน้อย 1 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งมีปริมาณคลอรีนเพียงพอที่จะทำลายเชื้อได้
เรียน ท่านผู้ปกครองทราบ
อ้างถึง หนังสือที่ ศธ 0211.6/5288 เนื่องด้วยกระทรวงสาธารณสุข แจ้งว่ามีการระบาดของโรคมือ เท้า ปาก ที่ประเทศจีน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม 2551 จึงถึงปัจจุบัน(ข้อมูล ณ เมษายน 2551) พบผู้ป่วยเด็กโรคมือ เท้า ปาก รวม 1,884 ราย โดยคาดการณ์ว่า ยังมีการระบาดของโรคอีกหลายประเทศในทวีปเอเซีย โรงเรียนจึง ขอนำความรู้เกี่ยวกับโรคมือ เท้า ปาก มาให้ทราบเพื่อช่วยกันดูแลป้องกันบุตรหลานของเรานะคะ
พฤติกรรมที่ควรใส่ใจ
1. ไม่ควรนำเด็กเล็กไปในที่ชุมชนสาธารณะที่มีคนอยู่เป็นจำนวนมากๆ ควรอยู่ในทีที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
2. ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ ก่อนและหลังจับอาหาร หรือเตรียมอาหาร และหลังการขับถ่าย ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่
3. ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก เมื่อไอหรือจาม หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย
4. ไม่ใช้ภาชนะหรือสิ่งของร่วมกัน เช่นจาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ หลอด
ด้วยความปรารถนาดีจาก...อนุบาลแสงอารีย์
คำถาม-คำตอบ โรคมือ เท้า ปาก
กองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข 18 ตุลาคม2550
1.โรคมือเท้าปาก คือโรคอะไร
โรคมือ เท้า ปาก เป็นกลุ่มอาการหนึ่งของโรคติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส อาการป่วยได้แก่ มีไข้ มีจุดหรือผื่นแดงอักเสบในปาก มักพบในลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม และเกิดผื่นแดงซึ่งจะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆแดง(มักไม่คัน เวลากดจะเจ็บ) ที่บริเวณ ฝ่ามือ นิ้วมือ และฝ่าเท้า โรคนี้พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พบน้อยลงในอายุต่ำกว่า 10 ปี และน้อยมาในเด็กวัยรุ่น
2.โรคนี้พบที่ใดบ้าง
ในเขตร้อนชื้น เกิดแบบประปรายตลอดปี พบมากในฤดูฝน ซึ่งอากาศเย็นและชื้น มักระบาดในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล
3.โรคมือ เท้า ปาก ติดต่อได้อย่างไร
มักติดต่อโดยรับเชื้อจากอุจจาระ ฝอยละอองน้ำมูก น้ำลาย หรือน้ำตุ่มพองหรือแผลของผู้ป่วยเข้าสู่ปาก การติดต่อทางน้ำหรืออาหารมีโอกาสเกิดขึ้นน้อย การแพร่ติดต่อเกิดขึ้นค่อนข้างง่ายในช่วงสัปดาห์แรกของการป่วย แม้อาการทุเลาลงแล้ว ก็ยังอาจแพร่เชื้อได้บ้าง เนื้อจากเชื้อจะถูกขับออกมากับอุจจาระได้นานถึง 6 สัปดาห์
4.หากติดเชื้อแล้วจะเริ่มแสดงอาการเมื่อใด
ส่วนใหญ่แสดงอาการป่วยภายใน 3-5 วัน หลังได้รับเชื้อ โดยไข้เป็นอาการเริ่มแรกของโรค
5.อาการของโรคเป็นอย่างไร
- เริ่มด้วยไข้(อาจเป็นไข้สูงในช่วง 1-2 วันแรก และลดลงเป็นไข้ต่ำๆอีก 2-3 วัน)
- มีจุดหรือผื่นแดงอักเสบในปาก มักพบที่ลิ้น เหงือก และกระพุ้งแก้ม ทำให้เจ็บปากไม่อยากทานอาหาร จะเกิดผื่นแดง ซึ่งจะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆแดง ที่บริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า และอาจพบที่ก้น หัวเข่าฯลฯ ผื่นนี้จะกลายเป็นตุ่มพองใสรอบๆแดง มักไม่คันแต่เวลากดจะเจ็บ ต่อมาจะแตกออกเป็นหลุมตื้นๆ อาการจะดีขึ้นและแผลหายไปใน 7-10 วัน
- เด็กทารกและอายุต่ำกว่า 5 ปี บางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, ก้านสมองอักเสบ ตามมาด้วยปอดบวมน้ำ สัญญาณอันตรายได้แก่ ไข้สูงไม่ลดลง ซึม อาเจียนบ่อย หอบ แขนขาอ่อนแรง เป็นต้น
6.ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสียงจะเป็นโรคมือ เท้า ปาก ที่รุนแรง
โดยทั่วไปโรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่ไม่อันตราย ในประเทศไทยพบโรคนี้ได้บ่อยแต่ไม่มีความรุนแรง ผู้ได้รับเชื้อส่วนใหญ่ หายได้เองภายใน 7-10 วัน และแทบไม่มีผู้เสียชีวิตเลย
7.วินิจฉัยโรคมือ เท้า ปาก ได้อย่างไร
โดยทั่วไปแพทย์จะวินิจฉัยจากอายุ ประวัติ และอาการ โดยสังเกตลักษณะผื่นหรือตุ่มแผลต่างๆที่ปรากฏ รวมถึงวินิจฉัยแยกจากโรคที่มีอาการแผลในปากอื่นๆ
8.โรคนี้รักษาได้หรือไม่
รักษาได้ตามอาการ โดยทั่วไปใช้การรักษาเพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น การใช้ยาลดไข้ ยาแก้ปวด ฯลฯ แต่ไม่มียาต้านไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ โรคนี้ผู้ป่วยรับประทานอาหารได้และพักผ่อนพอ ส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรงและหายได้เองในช่วง 7-10 วัน แต่ผู้ดูแลควรดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะทารก เด็กเล็ก และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เพื่อสังเกตอาการแทรกซ้อน
9.จะป้องกันโรคมือ เท้า ปากได้อย่างไร
โรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่ป้องกันได้ด้วยสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดี เช่น การล้างมือด้วยน้ำและสบู่ เป็นประจำหลังจากการขับถ่ายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็ก และก่อนรับประทานอาหาร หรือป้อนอาหารเด็ก รวมถึงไม่คลุกคลี ใช้ภาชนะอาหาร หรือของใช้ร่วมกับผู้ป่วย ร่วมกับรักษาความสะอาดทั่วๆไป การจัดการสิ่งแวดล้อม เช่น ห้องน้ำ ห้องส้วม ห้องครัวให้ถูกสุขลักษณะ
10.หากบุตรหลานมีอาการป่วย ควรทำอย่างไร
แยกเด็กป่วยเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่ไปยังเด็กคนอื่นๆ ผู้ปกครองควรพาไปพบแพทย์ และหยุดรักษาตัวที่บ้านประมาณ 5- 7 วัน หรือจนกว่าจะหายเป็นปกติ ระหว่างนี้ควรสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น แต่หากเด็กมีอาการแทรกซ้อน เช่น ไข้สูง ซึม อาเจียน หอบ เป็นต้น ต้องรีบพากลับไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลทันที
ไม่ควรพาไปสถานที่แออัด เช่นตลาด ห้างสรรพสินค้า ควรอยู่ในที่อากาศถ่ายเท ใช้ผ้าปิดจมูกเวลาไอจาม และระมัดระวังการไอจามรดกัน ผู้เลี้ยงดูเด็กต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรืออุจจาระเด็กป่วย เน้นการล้างมือบ่อยๆ
11.จะทำลายเชื้อได้อย่างไร
- เชื้อนี้ถูกทำลายโดยแสงอุลตร้าไวโอเล็ต ในสสภาพที่แห้ง เชื้อจะมีชีวิตอยู่ไม่นาน
- เชื้อนี้ถูกทำลายโดยการต้มที่ 50-60 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที
- เชื้อนี้ถูกทำลายโดยน้ำยาซักล้างทั่วไป หากทำลายเชื้อในอุจจาระต้องใช้คลอรีนที่เข้มข้นมากกว่านี้
- เชื้อนี้ถูกทำลายโดยวิธีทำให้ปราศจากเชื้อ
12.คลอรีนในสระว่ายน้ำฆ่าเชื้อโรคมือ เท้า ปาก ได้หรือไม่
ความเข้มข้นของคลอรีนในสระว่ายน้ำตามมาตรฐานต้องมีอย่างน้อย 1 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งมีปริมาณคลอรีนเพียงพอที่จะทำลายเชื้อได้
เขียนเมื่อ
26 สิงหาคม 2551 | อ่าน
1063
เขียนโดย